วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์2



Share Diskspace เป็นการใช้งานร่วมกันของเนื้อที่ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ซึ่งรวม Harddiskและ CD ROMS (Compac-Disk Read-Only Memory) ซึ่งเราจะใช้ Harddisk หรือ CD ROMSจาก PC ที่เราเรียกว่า "File Server นี้จะเป็นเครื่องที่ใช้ในการเก็บข้อมูล (Data) ของ User และSoftware ของระบบทั้งหมด รวมทั้งควบคุมการทำงานของระบบ Network ด้วย
สืบเนื่องจากการใช้ Harddisk หรือ CD ROMS จาก File Serveร่วมกันทุกคน จึงทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องมี Harddisk ที่เครื่อง PC แต่ละเคริอง รวมทั้งไม่ต้องมี Floppy Disk Drive ใดๆอีกต่อไป เราจะเรียกเครื่อง PC ประเภทนี้ว่า "Diskless Workstation" หรือ "Dump Terminal
         Share Printer ในที่นี้เราจะขอกล่าวถึง Printer หรือเครื่องพิมพ์ก่อน ซึ่งเครื่องพิมพ์จะเป็นอุ)กรณ์ต่อพ่วง (Peripherals) ที่ใช้งานมากที่สุด โดยเฉพาะในปัจจุบันมี Printer ราคาสูงเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะ Laser Printer และเครื่องพิมพ์สี (Color Printer) ซึ่งมีราคาแพง และจำเป็นต้องนำมาใช้งานร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนั้นกรณีที่เรานำเครื่องพิมพ์มาใช้งานในระบบ Network มาก กว่า เครื่อง เช่น Dot Matrix, Laser Printer, Color Printer, Ink Jet ฯลฯ เป็นต้น ในการส่งงานไปพิมพ์นั้น เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการใช้งานเครื่องพิมพ์ชนิใดใช้งานได้ด้วย ซึ่งการทำงานง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
         Share Communication Devices หมายถึง การนำอุปกรณ์สื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์มาใช้งานร่วมกัน เช่น "Modem" ซึ่งใช้ในการเปลี่ยนถ่ายข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ด้วยกันโดยอาศัยสายโทรศัพท์ นอกจาก Modem แล้วอุปกรณ์อีกอย่างหนึ่งที่สามารถนำมาใช้งานร่วมกันได้คือ "FAX" โดยเราสามารถพิมพ์ข้อมูลที่ "Workstation" ของเรา และส่งข้อมูลผ่านระบบ Network ไปที่เครื่อง FAX ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ลงกระดาษ แล้วเดินไปส่ง FAX ที่เครื่อง FAX อีกต่อไป

      2. การใช้ Software ร่วมกัน Software ที่ใช้งานบนระบบ Network แบ่งออกเป็น Sofeware Packages และ Data ดังนั้นเราสามารถนำ Software ทั้ง แบบ มาใช้งานร่วมกันได้
                Share Software Packages ในปัจจุบันสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ก็คือ เรื่องของลิขสิทธิ์ทางSoftware ถ้าเรายังคงมี PC แต่ละเครื่องใช้งานแยกกันอยู่ เราจำเป็นต้องซื้อ Software ที่ถูกต้องตามกฏหมายมาใช้งาน กล่าวคือ ชุดต่อ เครื่อง รวมทั้งยังต้องคอยระวังในเรื่องของการ Copy Software มาใช้งานเองของผู้ใช้แต่ละคนด้วย การนำระบบ "Network" มาใช้งานจะช่วยลดปัญหาของการทำผิดกฏหมายทางด้านลิขสิทธิ์ได้
            นอกจากนั้น Software ที่ใช้งานบนระบบ Network จะมีความคล่องตัวกว่า Software บนPC โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการซ่อมบำรุง ปรับปรุง Software ให้ถูกต้อง เช่น รุ่นที่ Upgradeมาใหม่ เราจะสามารถติดตั้งและ Upgrade Software ทั้ง 10 เครื่อง ซึ่งเสียเวลามาก
            นอกจากนั้นในกรณีที่เราใช้ Workstation ประเภท "Diskless Workstation" User จะไม่มีสิทธิ์ในการใช้งานแผ่น Disk เล่ย ทำให้เราสามารถขจัดปัญหาของ "Virus" ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ได้ รวมทั้งการตรวจสอบ Virus ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบที่ PC แต่ละเครื่อง แต่ตรวจสอบที่ Flie Server เพียงเครื่องเดียว ทำให้ประหยัดเวลา และเกิดการทำงานที่คล่องแคล่วตัวมากยิ่งขึ้น
    สำหรับเรื่องของ License หรือลิขสิทธิ์นั้น Software ที่จะนำมาใช้ในงานบนระบบ Network จะต้องเป็น Softwareรุ่น
ของเน็ตเวอร์เท่านั้นซึ่งในปัจจุบันมี License Software สำหรับระบบ Network 2 แบบ คือ
        1.  สำหรับเรื่องของ License หรือลิขสิทธิ์นั้น Software ที่จะนำมาใช้ในงานบนระบบ Networkจะต้องเป็น
Software รุ่น Network
        2.  Per User License หมายถึง Software ที่จะต้องระบุจำนวน User ลงไปเลยว่าต้องการใช้เท่าใด แต่การทำงานจริง ๆ แล้วจะใช้กี่คนพร้อมกันก็ได้
        Share Date ปัญหาที่เกิดขึ้นแน่นอน สำหรับการใช้งาน PC แยกกันคือ ในกรณีที่เราต้องการข้อมูลของ PC อีกเครื่องหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าข้อมูลนั้นมีขนาดใหญ่ หรือต้องการใช้งานข้อมูลร่วมกันบ่อย ๆ จะทำให้เสียเวลาในการ Copy ข้อมูลมาก ถ้าเรานำระบบ "Network" มาใช้งานข้อมูลของ User แต่ละคนจุถูกเก็บไว้ในที่เดียวกันคือ Harddisk ของ File Server ดังนั้น Userแต่ละคนสามารถเรียกใช้ข้อมูลซึ่งกันและกันได้ทันที แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดสิทธิในการเรียกใช้ข้อมูลของแต่ละ User ซึ่งเราสามารถกำหนดได้ว่า User คนใดสามารถใช้งานข้อมูลใดได้ถึงระดับใดบ้าง เนื้อหาในส่วนนี้จะได้กล่าวในลำดับต่อไป
จากประโยชน์ของการใช้ Software ร่วมกันนี้ ข้อมูลจะถูกเก็บอยู่ที่ File Server ข้อมูลจึงถูกต้อง ทันสมัย และรวดเร็ว (เรียกว่า เป็นการควบคุมข้อมูลที่จุดศูนย์กลาง) โดยแต่ละ Workstationสามารถใช้ข้อมูลของ Workstation อื่น ได้ทันที (ถ้ามีสิทธิ์) โดยไม่ต้องรีรอ จึงทำให้การทำงานสะดวกขึ้น (Flexible) นอก จากนั้น ยังลดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน และลดเวลาในการทำงาน คือแทนที่จะต้องเสียเวลาในการรอข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อที่จะทำงานขั้นต่อไป ก็ทำให้ต้องเสียเวลาและลดความผิดพลาดที่เกิดจากข้อมูลไม่ถูกต้องทันสมัย เช่น เมื่อมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าทำให้ฝ่ายขาย ขานสินค้นตามราคาใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องรอการแจ้งเปลี่ยนแปลงราคาจากส่วนควบคุมการตั้งราคา เป็นต้น
        3. การต่อเชื่อมกับระบบอื่น
ในระบบงานของ PC เมื่อต้องการนำ PC มาเชื่อมต่อกับระบบอื่น เช่น Mainframe หรือ Mini Computer จะต้องมีอุปกรณ์เชื่อมต่อพิเศษ เพื่อให้ PC นั้นสามารถทำงานร่วมกับระบบอื่นได้ เราเรียกขบวนการนี้ว่า "Terminal Emulation" ปัญหาก็คือ PC 1 เครื่องจะต้องมีอุปกรณ์พิเศษต่อเชื่อมชุด ซึ่งปกติจะมีราคาสูงมาก เมื่อทำงานที่มากขึ้น การต่อเชื่อมกับ PC เพียง ชุด อาจไม่เพียงพอในการใช้งาน อาจจำเป็นต้องต่อมากยิ่งขึ้น ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากตามไปด้วย
แต่ถ้าเรามีระบบ "Network" อยู่แล้ว เราสามารถนำ PC และอุปกรณ์ต่อเชื่อมสำหรับระบบอื่นเพียง 1ชุดมาใช้งาน หลัก จาก นั้น Workstation เครื่องที่ไม่มี
อุปกรณ์ ต่อเชื่อมนี้ก็สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นได้ด้วย เสมือนมีอุปกรณ์เชื่อมต่อติดตั้งที่เครื่องของตนเอง ลักษณะเช่นนี้เราเรียกว่า "Gateway"
        4.การใช้ระบบ Multlusers
การใช้ระบบ Multlusers หมายถึง ระบบที่ User สามารถใช้โปรแกรมหรือข้อมูลเดียวกันได้ครั้งละหลาย ๆ คน ซึ่ง "Network" นั้นสามารถใช้งานระบบนี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ในปัจจุบัน ผู้ใช้งานในระบบ Multlusers หรือ Minicomputers ได้หันมาเล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบ Network และเริ่มใช้งานระบบนี้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเห็นได้ชัดเจนของการทำงานในระบบ Multlusers ได้แก่
  E-Mall (Electronic Mail) ซึ่ง User แต่ละคนสามารถส่งและรับข้อมูลหรือข่าวสารซึ่งกันและกันได้ โดยผ่านทาง Workstation ของตนเอง มีโปรแกรมที่ใช้งานแบบ E-Mall ได้มากมายเช่นWorkPerfect Office, CC-Mail, ฯลฯ เป็นต้น
                Schedule หรือ Group Calendar เป็นโปรแกรมที่รวบรวมปฏิทินรายวันของ User แต่ละคนมารวมกันเป็นตาราง (Schedule) ของทั้งระบบ ทำให้ผู้จัดการระบบสามารถทราบนัดหมายต่าง ๆ ของ User แต่ละคนได้ และวางแผนการทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น WordPerfect Office
                Database สามารถใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลเดียวกันได้พร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน File ได้ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น จนมี File Server เฉพาะสำหรับงาน Database เรียกว่าDatabase Server ซึ่งเป็น Server ชนิดพิเศษที่มีความเร็วสูงในการเรียกใช้และปรับปรุงข้อมูลในDatabase มีผู้กล่าวว่า ประสิทธิภาพในการทำงานของ Database Server นี้ใกล้เคียงหรืออาจจะดีกว่าแบบ Minicomputer เสียอีก
ประเภทของเครือข่าย
เครือข่ายท้องถิ่น  (Local Area Network : LAN)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น